โรคเวียนศีรษะในผู้สูงอายุเป็นโรคยอดฮิตที่นำพาผู้สูงวัยมาพบแพทย์อยู่ตลอดเวลา บ่อยครั้งผู้สูงอายุมักบรรยายอาการของตนเองว่า ตนมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึกมึน ๆ เหมือนจะหน้ามืด เป็นลม อยากอาเจียน พะอืดพะอม รู้สึกว่าการทรงตัวไม่มั่นคงเหมือนจะล้ม เป็นต้น ส่วนใหญ่จะบรรยายอาการของตนเองแบบผสมกันหลายแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความซับซ้อนในการวินิจฉัยเป็นอย่างมาก
โดยปกติแล้วอาการเวียนศีรษะมักจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- อาการเวียนศีรษะแบบฉับพลัน (Acute dizzness) ซึ่งอาการมักจะเกิดขึ้นในเวลาน้อยกว่า 1 – 2 เดือน
- อาการเวียนศีรษะแบบเรื้อรัง (Chronic dizziness) ซึ่งอาการมักจะเกิดขึ้นในเวลามากกว่า 1 – 2 เดือน
อาการเวียนศีรษะเกิดได้ในทุกกลุ่มอายุ ทั้งคนอายุน้อยไปจนถึงคนชรา แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ หากอาการเหล่านี้เกิดในผู้สูงวัย การฟื้นตัวจะค่อนข้างช้ากว่าคนหนุ่มสาว เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของความเสื่อมทางสรีรวิทยาและการมีโรคประจำตัวหลายชนิด ในที่นี้จะกล่าวถึงอาการเวียนศีรษะแบบเรื้อรังเป็นหลัก
อาการเวียนศีรษะแบบเรื้อรังในผู้สูงอายุมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคหรือสภาวะผิดปกติทางร่างกายต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น
- เพิ่มโอกาสการหกล้ม
- การทำกิจวัตรประจำวันถูกจำกัดลงกว่าเดิม
- สัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตตกในท่ายืน
- โรคหลอดเลือดในสมองตีบ
- ฯลฯ
หากอาการเวียนศีรษะแบบเรื้อรังเป็นอยู่นานโดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้ผู้สูงวัยเกิดอาการ “กลัวที่จะล้ม” เกิดภาวะซึมเศร้า และเริ่มประเมินตัวเองถึงความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ต่อมาจะเริ่มไม่อยากเข้าทำกิจกรรมกับคนอื่น ๆ ในสังคม ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดสภาวะดังกล่าว อันดับแรกเราต้องเข้าใจเรื่องของสรีรวิทยาตามปกติของผู้สูงอายุว่าปกติแล้วอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้ของสมดุลในร่างกายต้องอาศัยทั้งตา หู ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ และกระดูกที่แข็งแรง แต่ในผู้สูงอายุนั้นระบบประสาทรับรู้ทั้งที่หู ตา กล้ามเนื้อและข้อจะเสื่อมลง ส่งผลให้เกิดอาการทรงตัวลำบาก รู้สึกวิงเวียนได้ง่าย
สาเหตุของโรควิงเวียนศีรษะในผู้สูงอายุ
- โรคทางระบบหู เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด ก้อนเนื้องอกในหู เส้นประสาทในหูอักเสบ พิษต่อระบบประสาทหูจากการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
- โรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โรคพาร์กินสัน โรคไมเกรนบางแบบ
- ปัญหาของอวัยวะบริเวณลำคอของผู้สูงอายุ เช่น โรคกระดูกต้นคอเสื่อม โรคเส้นเลือดที่คอตีบหรือการมีคราบไขมันเกาะบริเวณหลอดเลือดที่คอ ทำให้เวลาหันศีรษะเร็ว ๆ จะทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองชั่วคราวจนเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากในผู้สูงอายุ
- โรคความดันโลหิตตกในท่ายืน ปัจจุบันในผู้สูงอายุยังไม่มีการศึกษาวิจัยถึงหลักเกณฑ์การวินิจฉัยที่แน่นอน ดังนั้นในประเทศไทยยังคงใช้หลักการวินิจฉัยเดียวกับกลุ่มอายุอื่น ที่น่าสนใจคือมีรายงานในต่างประเทศระบุว่า ในผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิตตกในท่ายืนไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องมีอาการเวียนศีรษะ แสดงว่าอาจมีสาเหตุร่วมอย่างอื่นที่อธิบายการเกิดอาการเวียนศีรษะในผู้สูงวัยที่ไม่ใช่การมีความดันโลหิตตกในท่ายืนก็เป็นได้
- โรคความดันโลหิตตกหลังการรับประทานอาหาร หมายถึง การมีความดันโลหิตตกมากกว่าหรือเท่ากับ 20 mmHg ในท่านั่งหรือยืนภายใน 1 – 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร
- โรคทางจิตเวช เช่น โรคเครียด โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคแพนิก หรือโรคย้ำคิดย้ำทำในผู้สูงอายุนั้น โรคทางจิตเวชที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้บ่อยที่สุดก็คือ โรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าสามารถเป็นได้ทั้งสาเหตุและผลลัพธ์ของอาการวิงเวียนได้ทั้งคู่
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้โดยผ่านกลไกที่แตกต่างกัน เช่น ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ ยากันชัก ยาปรับอัตราการเต้นของหัวใจ ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ยานอนหลับ และยาทางจิตเวช เป็นต้น
- โรคทางตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม
- โรคอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ โรคซีด โรคเกลือแร่ ไขมันผิดปกติ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
โดยสรุปแล้วแม้มีการจำแนกสาเหตุของการเกิดอาการวิงเวียนศีรษะไว้อย่างชัดเจน แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า ในผู้สูงอายุสาเหตุของอาการวิงเวียนมักไม่ได้เกิดลำพังจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากหลายสาเหตุผสมผสานกัน ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าวควรมาพบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พร้อมนำยาที่รับประทานเป็นประจำมาให้แพทย์ดูเพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ